คลาวด์ คอมพิวติ้ง (Cloud Computing)
ลักษณะของการทำงาน โดยผู้ใช้บริการไม่จำเป็นต้องมีความรู้ในเชิงเทคนิค เพียงแค่ผู้ใช้บริการเชื่อมต่อกับระบบอินเทอร์เน็ต และเรียกบริการที่ต้องการ ก็สามารถเริ่มทำงานนั้นได้อย่างง่ายดาย
นิยามของคลาวด์ คอมพิวติ้ง
สถาบันมาตรฐานและเทคโนโลยีแห่งชาติ (NIST) ได้ให้คำจำกัดความว่า Cloud ในภาษาอังกฤษที่แปลว่าเมฆ กล่าวถึงอินเทอร์เน็ตโดยรวม ในรูปของโครงสร้างพื้นฐาน เหมือนระบบไฟฟ้า ประปา ที่พร้อมให้บริการกับผู้ใช้งานเมื่อมีความต้องการใช้ ผู้ให้บริการส่วนใหญ่จะให้บริการ ในลักษณะของเว็บแอพพลิเคชัน โดยให้ผู้ใช้ทำงานผ่านเว็บบราวเซอร์ ขณะเดียวกันซอฟต์แวร์และข้อมูลทั้งหมด จะถูกเก็บไว้บนเซิร์ฟเวอร์ของผู้ให้บริการ
คุณลักษณะของคลาวด์ คอมพิวติ้ง
(Essential Characteristics)
1. การบริการที่สั่งการได้เอง (On-demand Self-
service) ผู้ใช้งานสามารถกำหนดได้เอง
2. การเข้าถึงระบบเครือข่ายแบบวงกว้าง (Broad
Network Access) สามารถในการเข้าถึงได้จาก
ทุกอุปกรณ์มาตรฐานที่สามารถเชื่อมต่อเข้าสู่ระบบ
อินเทอร์เน็ตได้
3. การรวมทรัพยากรไว้ด้วยกัน (Resource Pooling)
ทรัพยากรและการประมวลผลถูกรวบรวมไว้ที่ศูนย์
กลาง (Storage, Processing, Memory, Network
Bandwidth, and Virtual Machines)
4. การยืดหยุ่นและรวดเร็ว (Rapid Elasticity) สามารถ
ปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็วยืดหยุ่นอัตโนมัติ ไม่มีข้อ
จำกัด และซื้อได้ง่ายไม่จำกัดเวลาหรือจำนวน
ประโยชน์ของคลาวด์ คอมพิวติ้ง
คลาวด์ คอมพิวติ้ง ช่วยให้การนำไอทีไปใช้ในเชิงธุรกิจทำได้ง่าย และประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่าในอดีต องค์กรสามารถใช้บริการทางด้านไอทีได้ โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนมากกับโครงสร้างพื้นฐานไอที อีกทั้งผู้ใช้งานก็สามารถเลือกใช้บริการเฉพาะอย่าง และเลือกเสียค่าใช้จ่ายให้ตรงกับความต้องการเฉพาะด้าน หรือสอดคล้องกับงบประมาณของตนได้ ยิ่งไปกว่านั้น คลาวด์ คอมพิวติ้งยังมีประโยชน์ในด้านอื่นอีก ไม่ว่าจะเป็นการช่วยองค์กรประหยัดพลังงาน หรือเพิ่มความอุ่นใจในด้านความปลอดภัยของระบบไอที เป็นต้น
นอกจากนั้นแล้ว แนวโน้มการใช้งานคลาวด์ คอมพิวติ้งจะ
เป็นไปอย่างกว้างขวางมากขึ้นด้วยแรงผลักดันจากแนว
โน้มสำคัญ 5 ประการดังต่อไปนี้
1. แนวโน้มของเว็บที่กลายเป็นสื่อกลางการติดต่อสื่อสาร
2. แนวโน้มความต้องการประหยัดพลังงาน
3. ความต้องการสร้างสรรค์นวัตกรรมขององค์กร
4. ความต้องการใช้งานไอทีที่ง่ายและไม่ซับซ้อน
5. การจัดระเบียบข้อมูลให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น
คุณประโยชน์โดดเด่นอีกอย่างหนึ่งของคลาวด์ คอมพิวติ้ง
คือ ความสามารถในการจัดระเบียบสิ่งต่างๆ ให้เป็นระบบ
ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบริหารจัดการและจัดเก็บ
ข้อมูลมากมายหลากหลายประเภทให้เป็นระบบ ช่วยให้
การค้นหาและเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้ทำได้เร็ว และถูกต้อง
แม่นยำกว่าเดิม
ที่มา:https://www.totcloud.com/faq-cloud.html
คลาวด์คอมพิวติ้ง (Cloud Computing) หลายท่านที่ดำเนินธุรกิจหรืออยู่ในองค์กรต่างๆ อาจจะเคยได้ยินการบริการคลาวด์คอมพิวติ้งกันมาบ้างแล้วไม่มากก็น้อยว่าเป็นเทคโนโลยีที่กำลังได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลายทั้งในธุรกิจ Startup SMEs หรือ องค์กรขนาดเล็ก กลาง และใหญ่
เนื่องจากการมีระบบคอมพิวเตอร์ไว้ใช้งานในองค์กรแบบเดิมๆ จะต้องมีค่าใช้จ่ายในการดูแลและบำรุงรักษาอุปกรณ์ไอทีต่างๆ ทั้งโดยเฉพาะฮาร์ดแวร์ที่ส่วนใหญ่จะมีอายุการใช้งานอยู่ประมาณ 5 ปี จากนั้นต้องทะยอยเปลี่ยนอุปกรณ์ที่เริ่มเสื่อมสภาพลง จากปัญหาเหล่านี้จึงทำให้คลาวด์คอมพิวติ้งเป็นเทคโนโลยีที่น่าสนใจในแง่มุมของความคุ้มค่า ง่ายต่อการบำรุงรักษา มีระบบรักษาความปลอดภัยที่จะช่วยป้องกันการถูกโจมตีจากภายนอกได้ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากในองค์กร และสามารถเลือกสเป็คตามความต้องการในการใช้งานจริงขององค์กรได้อีกด้วย
คลาวด์คอมพิวติ้ง (Cloud Computing) คือ บริการเช่าใช้ระบบคอมพิวเตอร์ และทรัพยากรแบบครบวงจร โดยสามารถเลือกเช่าฮาร์ดแวร์และ/หรือซอฟต์แวร์ ไม่ว่าจะเป็นระบบเครือข่าย(Server) การติดตั้งฐานข้อมูล(Database) การทดสอบระบบ(Testing) การประมวลผลที่รองรับได้หลากหลายระบบปฏิบัติการ(Platform) ตลอดจนถึงการจัดเก็บข้อมูลทั้งหมดของผู้ใช้บริการ(Storage)
ทั้งหมดนี้เป็นบริการผ่านทางออนไลน์จึงทำให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ตลอดเวลาที่ต้องการและสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้เพียงแค่อาศัยการเข้าถึงผ่านระบบอินเทอร์เน็ตด้วยอุปกรณ์ที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็น PC Notebook มือถือ หรือ Tablet และสามารถแชร์การทำงาน (shared services) ร่วมกับเพื่อนร่วมงานได้อีกด้วย โดยที่ผู้ให้บริการ (Cloud Provider) จะคอยจัดการระบบทุกอย่างที่ผู้ใช้งานต้องการให้รวมถึงมาตรฐานด้านความปลอดภัยด้วย โดยที่ผู้ใช้บริการไม่จำเป็นต้องลงทุนซื้อฮาร์ดแวร์ (Hardware) และซอฟต์แวร์(Software) นอกจากนั้นยังไม่ต้องติดตั้งหรือวางระบบเครือข่ายเอง เพื่อช่วยลดความรับผิดชอบในการดูแลระบบและลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาที่ค่อนข้างสูงได้ และอีกทั้งยังสามารถเลือกปรับเปลี่ยนระบบตามการใช้งานจริงได้หากเดือนไหนต้องการใช้งานน้อยลงก็สามารถเลือกลดสเป็คลงมาค่าใช้บริการในเดือนนั้นก็จะลงไปด้วย
Cloud Computing Service มีอะไรบ้าง
บริการของคลาวด์คอมพิวติ้ง (Cloud Computing Service) สามารถแบ่งออกเป็น 3 แบบ ได้แก่
- IaaS (Infrastructure as a service) ผู้ใช้งานเช่าแค่อุปกรณ์ด้านฮาร์ดแวร์ เช่น เซิร์ฟเวอร์และพื้นที่เก็บข้อมูล ส่วนซอฟต์แวร์ เช่น ระบบปฏิบัติการต่างๆ (Windows, Mac OS, iOS, Android) และโปรแกรมต่างๆ ผู้ใช้เป็นคนหามาติดตั้งเอง
- PaaS (Platform as a Service) ผู้ใช้งานเช่าระบบเซิร์ฟเวอร์ พื้นที่เก็บข้อมูล ระบบปฏิบัติการ และซอฟต์แวร์ที่จำเป็นต่อผู้ใช้งานบางส่วน
- SaaS (Software-as-a-service) ผู้ใช้งานสามารถเปิดเว็บแล้วใช้ซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมนั้นๆ ได้เลย เช่น ระบบ Microsoft Office 365, Google Document เป็นต้น
On Premises
On Premises คือ การซื้ออุปกรณ์ฮาร์ดแวร์มาติดตั้ง วางระบบและลงซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมต่างๆ เองในสถานที่หรือในองค์กรของตัวเอง โดยที่เจ้าของระบบจะต้องดูแล บำรุงรักษาทุกอย่างด้วยตัวเองทั้งระบบและรับผิดชอบในส่วนต่างๆ เช่น การติดตั้งฮาร์ดแวร์(Hardware) การลงซอฟต์แวร์(Software) การจ้างบุคลากรเฉพาะด้านมาดูแลตรวจเช็คเครื่อง และupgradeระบบ เพื่อให้ server สามารถใช้งานได้อย่างราบรื่น
จึงทำให้เจ้าของระบบมีต้นทุนในการเริ่มติดตั้งระบบค่อนข้างสูง เพราะจำเป็นต้องลงทุนด้านเซิร์ฟเวอร์(Server) และ Licenseของซอฟต์แวร์ และภายหลังหากจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนระบบ เจ้าของระบบจะต้องเสียค่าใช้จ่ายลงทุนเพื่อซื้ออุปกรณ์ต่างๆ ใหม่อีกครั้งโดยการอัพเดทซอฟต์แวร์ในแบบ On Premises นี้แต่ละครั้งก็จะมีค่าใช้จ่ายด้วย นอกจากนั้นการเข้าถึงระบบบุคลากรต้องอาศัยการแชร์ข้อมูลจากส่วนกลางตามรูปแบบที่ตั้งค่าเอาไว้ จึงจะสามารถเข้าถึงข้อมูลที่แชร์ผ่าน Server ได้ ไม่สามารถใช้งานผ่านอินเตอร์เน็ตได้โดยตรง ดังนั้น On Premises จึงเหมาะกับองค์กรที่มีเงินลงทุนในระบบมาก และไม่ต้องการใช้งานใช้งานระบบเมื่ออยู่ภายนอกองค์กร
IaaS (Infrastructure as a service)
IaaS (Infrastructure as a service) เป็นบริการคลาวด์คอมพิวติ้งที่ให้เช่าเครื่องโครงสร้างพื้นฐานหรือฮาร์ดแวร์(Hardware) เช่น หน่วยประมวลผล ระบบจัดเก็บข้อมูล ระบบเครือข่ายในรูปแบบระบบเสมือน (Virtualization) โดยผู้ใช้บริการสามารถเลือกเช่าใช้งานและจ่ายค่าบริการตามจริง นอกจากนั้นยังยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงระบบที่อาจจะเกิดขึ้นในในองค์กร
ส่วนทางด้านซอฟต์แวร์(Software)ผู้ใช้งานจะต้องติดตั้งเอง หรือเช่าบริการเพิ่มเติมจากผู้ให้บริการได้ ซึ่งผู้ให้บริการที่องค์กรนิยมใช้งาน ได้แก่ Microsoft Azure, Amazon Web Service และ Google Cloud Platform เป็นต้น
Iaas เป็นบริการที่เหมาะสำหรับนักพัฒนาหรือผู้ประกอบการที่ไม่ต้องการหาสถานที่เพื่อติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ และระบบเครือข่าย นอกจากนั้นยังไม่ต้องดูแลบำรุงรักษาระบบเองอีกด้วย
PaaS (Platform as a Service)
PaaS (Platform as a Service) เป็นบริการคลาวด์คอมพิวติ้งที่ให้เช่า Hardware, Operating Systems, Storage และ Network Capacity ซึ่งผู้ให้บริการคลาวด์จะเป็นผู้ดูเเลระบบปฎิบัติการ จัดเตรียม ตั้งค่าระบบ ช่วยเก็บข้อมูลเเละจัดการ server ให้มีความพร้อมสำหรับผู้ใช้บริการที่จะสามารถพัฒนา Application และ Data ได้เลย
โดยส่วนใหญ่บริการนี้จะเหมาะสำหรับกลุ่มธุรกิจ Startup บริษัทต่างๆ และนักพัฒนาโปรเเกรม เพราะสามารถให้ความสำคัญกับการพัฒนาโปรเเกรม โดยที่ไม่ต้องกังวลในเรื่องการดูเเลจัดการระบบ หรือความปลอดภัยใดๆทั้งสิ้น ผู้ให้บริการของ PaaS ได้แก่ Azure SQL Database เป็นต้น
SaaS (Software-as-a-service)
SaaS (Software-as-a-service) เป็นรูปเเบบการให้บริการ Software บน Cloud ผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ผู้ให้บริการจะเป็นผู้จัดเตรียมติดตั้งระบบ เเละดูแลฐานข้อมูลต่างๆให้ทั้งหมด ซึ่งผู้ใช้บริการสามารถใช้บริการผ่าน Website โดยที่ไม่ต้องทำการดาวน์โหลดเเละติดตั้งใดๆ ไม่ต้องคอยอัพเกรดระบบ หรือพัฒนาระบบเอง ไม่ต้องลงทุนซื้อ Hardware เพื่อใช้ในการประมวลผล และจัดเก็บข้อมูล สามารถรองรับการเข้าใช้งานได้ทุกรูปเเบบเเละทุกระบบปฎิบัติการ จึงทำให้เป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายต่างๆให้กับผู้ใช้บริการ
โดยรูปเเบบบริการที่คุ้นเคยกันดีคือรูปเเบบ Email เช่น Microsoft Exchange, Google Gmail พื้นที่จัดเก็บข้อมูล หรือการใช้บริการ Social Media ซึ่ง Facebook ถือว่าเป็นบริการคลาวด์คอมพิวติ้งแบบ SaaS ด้วยเช่นกัน
ข้อดี – ข้อเสีย ของการใช้ Cloud Computing
บทสรุป
จากที่กล่าวมาแล้วบริการคลาวด์คอมพิวติ้ง (Cloud Computing) มีข้อดีที่เห็นได้ชัดเจนนั้นคือ เรื่องของต้นทุนในการเริ่มทำระบบจะถูกกว่าแบบติดตั้งระบบไว้ในองค์กรของตัวเอง (On Premises) ไม่ต้องมีสถานที่วางระบบ มีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนสเป็คให้สอดคล้องกับการใช้งานและงบประมาณได้อยู่เสมอ มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ได้มาตรฐานสากล เเละสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ เพียงแต่ต้องศึกษาค่าบริการต่างๆของคลาวด์ให้ละเอียดถี่ถ้วนและเหมาะกับองค์กรของเราจริงๆ
ที่มา: https://artisanbrain.com/cloud-computing/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น